Artwork

Content provided by Soul Food Ministries. All podcast content including episodes, graphics, and podcast descriptions are uploaded and provided directly by Soul Food Ministries or their podcast platform partner. If you believe someone is using your copyrighted work without your permission, you can follow the process outlined here https://player.fm/legal.
Player FM - Podcast App
Go offline with the Player FM app!

Ep.85 จงแน่ใจในความรักของพระเจ้า

10:49
 
Share
 

Manage episode 425190308 series 3264869
Content provided by Soul Food Ministries. All podcast content including episodes, graphics, and podcast descriptions are uploaded and provided directly by Soul Food Ministries or their podcast platform partner. If you believe someone is using your copyrighted work without your permission, you can follow the process outlined here https://player.fm/legal.
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (85) จงแน่ใจในความรักของพระเจ้า! “และท่านได้ลืมคำเตือนที่พระองค์ทรงเตือนพวกท่านในฐานะที่เป็นบุตรว่า “บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าละเลยต่อการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าท้อใจเมื่อพระองค์ทรงตักเตือน” ~ฮีบรู 12:5 THSV11 “And have you forgotten the exhortation that addresses you as sons? “My son, do not regard lightly the discipline of the Lord, nor be weary when reproved by him.” ~Hebrews 12:5 ESV Bryan Chapell กล่าวว่า “ วินัยจากพระเจ้ามักมีความรักเป็นแรงจูงใจด้วยเสมอ เป้าหมายแห่งความรักในเรื่องวินัย ทำให้การลงวินัยนั้นเป็นเรื่องชองความเมตตากรุณา แต่เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจได้ง่าย ถ้า หรือ เมื่อ มีความเจ็บปวดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย!” (God’s discipline is always loving in its intent. The love goal of discipline makes it gracious, but this is not easy to understand if and when pain is involved.) ใน ฮีบรู 12:5-13 ใช้คำว่า “การตีสอน”แทนคำว่า “วินัย” โดยกล่าวว่า แม้ การตีสอน จะนำเอาความเจ็บปวดมาถึงผู้รับการลงวินัย แต่ผู้เขียนยืนยันว่า การลงวินัย หรือการตีสอน นั้น เป็นหลักฐานและสัญลักษณ์ที่ยืนยันว่า 1.เราเป็นบุตรของพระเจ้า 2.พระเจ้าทรงรักเรา ชึ่งเราควรจำไว้ แบบไม่ลืมเลือน คำว่า “ตีสอน” เป็นคำกรีก หมายถึง 1.การฝึกเด็ก 2.การสั่งสอนและ 3.การลงวินัย ปัญหาคือ 1.เรามักลืมคำเตือนที่พระองค์ทรงเตือนพวกเรา(ในฐานะที่เราเป็นบุตร) ~สภษ.3:11-12 2.เรามักละเลย เรียนรู้ช้า ต่อการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า ~ฮบ.5:11-12 3.เรามักท้อใจเมื่อพระองค์ทรงตักเตือน ทั้งๆที่ 1).องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และ 2).องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรับใครเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงเฆี่ยนตีคนนั้น สิ่งที่เราสมควรกระทำ ก็คือ 1.เราควรสู้ทนกับการตีสอน ของพระเจ้าในฐานะพระบิดา 1).ไม่ละเลย 2).ไม่ท้อใจ 2.เราควรรู้ว่าพระเจ้าทรงปฏิบัติต่อเราเหมือนเราเป็นบุตรของพระองค์ 1).เพราะว่ามีบุตรคนไหนบ้างที่บิดาไม่ตีสอน? 2).ถ้าเราไม่ได้ถูกตีสอนเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ก.เราก็ไม่ใช่บุตร แต่ ข.เป็นลูกนอกกฎหมาย 3).ยิ่งไปกว่านั้น ก.เราทั้งหลายมีบิดาเป็นมนุษย์ที่ตีสอนเรา และเราก็นับถือบิดานั้น ข.เราจึงยิ่งควรอยู่ใต้บังคับของพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ และดำรงชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ? ก).เพราะบิดาที่เป็นมนุษย์ตีสอนเราเพียงชั่วเวลาเล็กน้อยตามความเห็นดีเห็นชอบของพวกเขา ข)แต่พระองค์ทรงตีสอนเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อเราจะมีส่วนในความบริสุทธิ์ของพระองค์ 4).การตีสอนทุกอย่าง ก.ดูไม่น่ายินดีเลยในเวลานั้น แต่น่าเศร้าใจ ข.แต่ภายหลังก็ก่อให้เกิดผลคือ ก).สันติสุขและ ข).ความชอบธรรม แก่บรรดาคนที่ถูกฝึกฝนโดยการตีสอนนั้น 3.เราควรทำสิ่งต่อไปนี้ คือ 1).เสริมกำลัง ก.มือแขนที่อ่อนแรง และ ข.เข่าที่อ่อนล้าให้เข้มแข็งขึ้น และ 2).ทำหนทางให้ตรงราบเรียบ(สำหรับ)เพื่อเท้าของเรา เพื่อว่าขา(คนง่อย)ที่เขยกนั้น ก.จะได้ไม่เคล็ด(ไม่พิการ)แต่ ข.จะหายเป็นปกติ” ในสังคมวัฒยธรรมกรีก เด็กต้องบริหารร่างกายในโรงยิมจนกระทั่งเป็นผู้ใหญ่ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมชีวิต ความยากลำบากจึงเป็นการฝึกวินัยฝ่ายจิตวิญญาณ ที่สามารถช่วยผู้เชื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้น แทนที่จะพยายามหนีความยากลำบาก เราควรจะทนรับไว้ เพราะจะช่วยเราได้ออกกำลังเพื่อเราจะได้เติบโตขึ้น ผู้เขียนพระคัมภีร์ตอนนี้ 1.ตักเตือนผู้อ่านว่าพวกเขาลืมพระวจนะ(ทั้งการเตือนสอนและการตีสอน) พวกเขาจึง 1).สูญเสียกำลังใจ และ 2).พร้อมจะยอมแพ้ 2.เตือนสอนผู้อ่านว่า พวกเขาควรจะเห็นประโยชน์จากความทุกข์และการข่มเหง # การทุกข์และการการข่มเหง เป็น 1).กระบวนการเรียนรู้ 2).การอบรมบ่มนิสัย เพื่อพัฒนาจิตวิญญาณของเราในฐานะเป็นบุตรของพระเจ้า 3.เตือนสติผู้อ่านว่า # การตีสอนจากพระเจ้า 1).เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก 2).เป็นข้อพิสูจน์ยืนยันว่าเราเป็นลูกของพระเจ้า #บุตรทุกคนต้องถูกบิดาตีสอน บิดาจะตีสอนเฉพาะบุตรของตนเท่านั้น เราจะไปตีลูกคนอื่นไม่ได้ 3).เป็นการสร้างและรักษาชีวิตของเราให้อยู่ในทางชอบธรรมของพระเจ้า 4).เป็นประโยชน์ในการทำให้เราเป็นคนที่ใช้การได้ 5).เป็นวิถีที่นำความสุขสำราญมาให้เราในบั้นปลาย 6).เป็นกระบวนการ ที่ทำให้เรา ก.มีวุฒิภาวะฝ่ายจิตวิญญาณ ข.เกิดความยำเกรงพระเจ้า เรียนรู้ที่จะเชื่อฟัง ค. เกิดผลดีในชีวิตและในการรับใช้ ข้อคิดเตือนใจ : ถ้าเราคิด หรือ พูดว่าเราเป็นลูกของพระเจ้า และ 1).ทำความผิดบาป หรือ 2).ไม่เชื่อฟังพระวจนะหรือพระบัญญัติ แต่ไม่ถูกพระเจ้าตีสอนเลย นั่นก็เป็นไปได้ว่า เรายังไม่ได้เป็นลูกของพระเจ้า 4.เตือนใจผู้อ่านว่า # พระเจ้าตีหรือสอนตักเตือนก็เพื่อแก้ไขความผิดบาปของเรา ดังนั้น การตีสอนจึงไม่ควรทำให้เรา 1).ท้อแท้ 2).สิ้นหวัง แต่ควรทำให้เรา 1).มีกำลังใจ 2).มีความอดทนบากบั่นมากยิ่งขึ้น 3).มีความแน่ใจว่าพระหัตถ์ที่ตีสอนนั้น เปี่ยมด้วยความรัก # พระเจ้าไม่ประสงค์ให้เราเป็นเด็กที่ถูกตามใจจนเคยตัว แต่ประสงค์ให้เราเป็นบุตรที่มีวุฒิภาวะเป็นผู้ใหญ่ สามารถรับความการมอบหมายและความรับผิดชอบได้
  continue reading

750 episodes

Artwork
iconShare
 
Manage episode 425190308 series 3264869
Content provided by Soul Food Ministries. All podcast content including episodes, graphics, and podcast descriptions are uploaded and provided directly by Soul Food Ministries or their podcast platform partner. If you believe someone is using your copyrighted work without your permission, you can follow the process outlined here https://player.fm/legal.
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (85) จงแน่ใจในความรักของพระเจ้า! “และท่านได้ลืมคำเตือนที่พระองค์ทรงเตือนพวกท่านในฐานะที่เป็นบุตรว่า “บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าละเลยต่อการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าท้อใจเมื่อพระองค์ทรงตักเตือน” ~ฮีบรู 12:5 THSV11 “And have you forgotten the exhortation that addresses you as sons? “My son, do not regard lightly the discipline of the Lord, nor be weary when reproved by him.” ~Hebrews 12:5 ESV Bryan Chapell กล่าวว่า “ วินัยจากพระเจ้ามักมีความรักเป็นแรงจูงใจด้วยเสมอ เป้าหมายแห่งความรักในเรื่องวินัย ทำให้การลงวินัยนั้นเป็นเรื่องชองความเมตตากรุณา แต่เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจได้ง่าย ถ้า หรือ เมื่อ มีความเจ็บปวดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย!” (God’s discipline is always loving in its intent. The love goal of discipline makes it gracious, but this is not easy to understand if and when pain is involved.) ใน ฮีบรู 12:5-13 ใช้คำว่า “การตีสอน”แทนคำว่า “วินัย” โดยกล่าวว่า แม้ การตีสอน จะนำเอาความเจ็บปวดมาถึงผู้รับการลงวินัย แต่ผู้เขียนยืนยันว่า การลงวินัย หรือการตีสอน นั้น เป็นหลักฐานและสัญลักษณ์ที่ยืนยันว่า 1.เราเป็นบุตรของพระเจ้า 2.พระเจ้าทรงรักเรา ชึ่งเราควรจำไว้ แบบไม่ลืมเลือน คำว่า “ตีสอน” เป็นคำกรีก หมายถึง 1.การฝึกเด็ก 2.การสั่งสอนและ 3.การลงวินัย ปัญหาคือ 1.เรามักลืมคำเตือนที่พระองค์ทรงเตือนพวกเรา(ในฐานะที่เราเป็นบุตร) ~สภษ.3:11-12 2.เรามักละเลย เรียนรู้ช้า ต่อการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า ~ฮบ.5:11-12 3.เรามักท้อใจเมื่อพระองค์ทรงตักเตือน ทั้งๆที่ 1).องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และ 2).องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรับใครเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงเฆี่ยนตีคนนั้น สิ่งที่เราสมควรกระทำ ก็คือ 1.เราควรสู้ทนกับการตีสอน ของพระเจ้าในฐานะพระบิดา 1).ไม่ละเลย 2).ไม่ท้อใจ 2.เราควรรู้ว่าพระเจ้าทรงปฏิบัติต่อเราเหมือนเราเป็นบุตรของพระองค์ 1).เพราะว่ามีบุตรคนไหนบ้างที่บิดาไม่ตีสอน? 2).ถ้าเราไม่ได้ถูกตีสอนเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ก.เราก็ไม่ใช่บุตร แต่ ข.เป็นลูกนอกกฎหมาย 3).ยิ่งไปกว่านั้น ก.เราทั้งหลายมีบิดาเป็นมนุษย์ที่ตีสอนเรา และเราก็นับถือบิดานั้น ข.เราจึงยิ่งควรอยู่ใต้บังคับของพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ และดำรงชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ? ก).เพราะบิดาที่เป็นมนุษย์ตีสอนเราเพียงชั่วเวลาเล็กน้อยตามความเห็นดีเห็นชอบของพวกเขา ข)แต่พระองค์ทรงตีสอนเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อเราจะมีส่วนในความบริสุทธิ์ของพระองค์ 4).การตีสอนทุกอย่าง ก.ดูไม่น่ายินดีเลยในเวลานั้น แต่น่าเศร้าใจ ข.แต่ภายหลังก็ก่อให้เกิดผลคือ ก).สันติสุขและ ข).ความชอบธรรม แก่บรรดาคนที่ถูกฝึกฝนโดยการตีสอนนั้น 3.เราควรทำสิ่งต่อไปนี้ คือ 1).เสริมกำลัง ก.มือแขนที่อ่อนแรง และ ข.เข่าที่อ่อนล้าให้เข้มแข็งขึ้น และ 2).ทำหนทางให้ตรงราบเรียบ(สำหรับ)เพื่อเท้าของเรา เพื่อว่าขา(คนง่อย)ที่เขยกนั้น ก.จะได้ไม่เคล็ด(ไม่พิการ)แต่ ข.จะหายเป็นปกติ” ในสังคมวัฒยธรรมกรีก เด็กต้องบริหารร่างกายในโรงยิมจนกระทั่งเป็นผู้ใหญ่ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมชีวิต ความยากลำบากจึงเป็นการฝึกวินัยฝ่ายจิตวิญญาณ ที่สามารถช่วยผู้เชื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้น แทนที่จะพยายามหนีความยากลำบาก เราควรจะทนรับไว้ เพราะจะช่วยเราได้ออกกำลังเพื่อเราจะได้เติบโตขึ้น ผู้เขียนพระคัมภีร์ตอนนี้ 1.ตักเตือนผู้อ่านว่าพวกเขาลืมพระวจนะ(ทั้งการเตือนสอนและการตีสอน) พวกเขาจึง 1).สูญเสียกำลังใจ และ 2).พร้อมจะยอมแพ้ 2.เตือนสอนผู้อ่านว่า พวกเขาควรจะเห็นประโยชน์จากความทุกข์และการข่มเหง # การทุกข์และการการข่มเหง เป็น 1).กระบวนการเรียนรู้ 2).การอบรมบ่มนิสัย เพื่อพัฒนาจิตวิญญาณของเราในฐานะเป็นบุตรของพระเจ้า 3.เตือนสติผู้อ่านว่า # การตีสอนจากพระเจ้า 1).เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก 2).เป็นข้อพิสูจน์ยืนยันว่าเราเป็นลูกของพระเจ้า #บุตรทุกคนต้องถูกบิดาตีสอน บิดาจะตีสอนเฉพาะบุตรของตนเท่านั้น เราจะไปตีลูกคนอื่นไม่ได้ 3).เป็นการสร้างและรักษาชีวิตของเราให้อยู่ในทางชอบธรรมของพระเจ้า 4).เป็นประโยชน์ในการทำให้เราเป็นคนที่ใช้การได้ 5).เป็นวิถีที่นำความสุขสำราญมาให้เราในบั้นปลาย 6).เป็นกระบวนการ ที่ทำให้เรา ก.มีวุฒิภาวะฝ่ายจิตวิญญาณ ข.เกิดความยำเกรงพระเจ้า เรียนรู้ที่จะเชื่อฟัง ค. เกิดผลดีในชีวิตและในการรับใช้ ข้อคิดเตือนใจ : ถ้าเราคิด หรือ พูดว่าเราเป็นลูกของพระเจ้า และ 1).ทำความผิดบาป หรือ 2).ไม่เชื่อฟังพระวจนะหรือพระบัญญัติ แต่ไม่ถูกพระเจ้าตีสอนเลย นั่นก็เป็นไปได้ว่า เรายังไม่ได้เป็นลูกของพระเจ้า 4.เตือนใจผู้อ่านว่า # พระเจ้าตีหรือสอนตักเตือนก็เพื่อแก้ไขความผิดบาปของเรา ดังนั้น การตีสอนจึงไม่ควรทำให้เรา 1).ท้อแท้ 2).สิ้นหวัง แต่ควรทำให้เรา 1).มีกำลังใจ 2).มีความอดทนบากบั่นมากยิ่งขึ้น 3).มีความแน่ใจว่าพระหัตถ์ที่ตีสอนนั้น เปี่ยมด้วยความรัก # พระเจ้าไม่ประสงค์ให้เราเป็นเด็กที่ถูกตามใจจนเคยตัว แต่ประสงค์ให้เราเป็นบุตรที่มีวุฒิภาวะเป็นผู้ใหญ่ สามารถรับความการมอบหมายและความรับผิดชอบได้
  continue reading

750 episodes

All episodes

×
 
Loading …

Welcome to Player FM!

Player FM is scanning the web for high-quality podcasts for you to enjoy right now. It's the best podcast app and works on Android, iPhone, and the web. Signup to sync subscriptions across devices.

 

Quick Reference Guide