สดแต่เช้า Ep.360 คำอธิษฐานขอการพิทักษ์รักษา

Soul Food Podcasts

#ศาสนา #ศาสนาคริสต์ #Soul Food Ministries

30:21

Hitting plateaus is a common milestone in business, but there’s a difference between stability and a rut. In the last installment of this season, we’ll dive into the ways small business owners push beyond plateaus and find new ways to achieve revenue growth. Jannese and Austin wrap up their time in Nashville, Tennessee with a wonderful visit to N.B. Goods to speak with owner Camille Alston . Camille details the times where she hit a wall with profits, the strategies she implemented to increase revenue, what worked, what didn’t, and the important lessons she learned in the process. You won’t want to miss this informative final chapter! Learn more about how QuickBooks can help you grow your business: QuickBooks.com See omnystudio.com/listener for privacy information.…

about a year ago 4:37

M4A•Episode home

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (360)

คำอธิษฐานขอการพิทักษ์รักษา

“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ลี้ภัยอยู่ในพระองค์

อย่าให้ข้าพระองค์อับอายเลย”

~สดุดี 71:1 THSV11

“In you, O Lord, I have put my trust and confidently taken refuge;

Let me never be put to shame.”

~Psalms 71:1 AMP

ผู้เขียนพระธรรมสดุดี กล่าวว่า

1.ท่านลี้ภัยอยู่ในพระเจ้า

2.ท่านพึ่งพิงพระเจ้าตั้งแต่เกิด(เยาว์วัย) และ

3.ท่านจะสรรเสริญพระเจ้าเสมอ ด้วยเหตุผลว่าพระเจ้า

1).ทรงเป็นศิลา

2).ทรงเป็นป้อมปราการ

3).ทรงเป็นองค์เจ้านาย

4).ทรงเป็นความหวัง

5).ทรงเป็นที่วางใจ(มั่นใจ)ของท่านมาตั้งแต่เด็ก

6).ทรงเป็นผู้นำท่านออกมาจากครรภ์มารดา

ผู้เขียนพระธรรมสดุดี ทูลขอพระเจ้าดังนี้

“ข้าแต่พระยาห์เวห์

1).ขออย่าให้ข้าพระองค์อับอายเลย

2).ขอทรงปลดปล่อยข้าพระองค์ให้พ้นภัยโดยความชอบธรรมของพระองค์

3).ขอทรงเอียงพระกรรณฟังข้าพระองค์

4).ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้รอด

5).ขอทรงเป็นศิลาลี้ภัยของข้าพระองค์ (ที่ข้าพระองค์จะเข้าไปพักพิงหลบได้เสมอ)

6).ขอทรงบัญชาให้ช่วยข้าพระองค์ให้รอด

7).ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้น

ก.จากมือของคนอธรรม

ข.จากเงื้อมมือของคนคดและคนดุร้าย (โหดร้ายทารุณ)

~สดุดี 71:1-6 THSV11

คำถามคือ

พระเจ้าทรงมีความสำคัญหรือมีความหมายอะไรต่อคุณบ้าง?

คุณขอให้พระเจ้าทรงทำอะไรเพื่อคุณบ้าง?

และ พระองค์ทรงโปรดทำให้คุณตามที่ขอนั้นหรือไม่? อย่างไร?

ใช่ครับ โดยปกติเราจะได้รับในสิ่งที่เราทูลขอจากพระเจ้า!

แต่ก็อาจมีบางครั้งที่ พระเจ้า อาจ

1).ไม่ตอบ หรือ

2).ตอบว่าไม่

แล้วคุณรู้สึกอย่างไรเมื่อพระเจ้าไม่ทรงตอบคำอธิษฐานของคุณอย่างที่คุณต้องการ?

คุณเคยมีประสบการณ์ที่พระเจ้าไม่ทรงตอบคำอธิษฐานอย่างที่คุณขอ แต่ ปรากฏว่า

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาในภายหลัง กลับดีกว่าสิ่งที่คุณขอ!

คงเหมือนกับที่ Garth Brooks กล่าวว่า

“ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระเจ้าบางครั้ง

ก็ คือคำอธิษฐานที่ไม่ได้รับคำตอบ!“

(Some of God's greatest gifts

are unanswered prayers.)

พี่น้องที่รัก

ถ้าคุณเข้าไปลี้ภัยอยู่ในพระเจ้าจริงๆ

พระเจ้าจะไม่ทำให้คุณอับอายในบั้นปลาย อย่างแน่นอน

… เชื่อผมไหมครับ?

~~~~~~~~~~~~~~~

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

26มีนาคม2025

#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า #Smilesforeveryone Laos,24-27March,2025

1056 episodes

Soul Food Podcasts

สดแต่เช้า Ep.360 คำอธิษฐานขอการพิทักษ์รักษา

Soul Food Podcasts

published about a year ago

M4A•Episode home

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (360)

คำอธิษฐานขอการพิทักษ์รักษา

“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ลี้ภัยอยู่ในพระองค์

อย่าให้ข้าพระองค์อับอายเลย”

~สดุดี 71:1 THSV11

“In you, O Lord, I have put my trust and confidently taken refuge;

Let me never be put to shame.”

~Psalms 71:1 AMP

ผู้เขียนพระธรรมสดุดี กล่าวว่า

1.ท่านลี้ภัยอยู่ในพระเจ้า

2.ท่านพึ่งพิงพระเจ้าตั้งแต่เกิด(เยาว์วัย) และ

3.ท่านจะสรรเสริญพระเจ้าเสมอ ด้วยเหตุผลว่าพระเจ้า

1).ทรงเป็นศิลา

2).ทรงเป็นป้อมปราการ

3).ทรงเป็นองค์เจ้านาย

4).ทรงเป็นความหวัง

5).ทรงเป็นที่วางใจ(มั่นใจ)ของท่านมาตั้งแต่เด็ก

6).ทรงเป็นผู้นำท่านออกมาจากครรภ์มารดา

ผู้เขียนพระธรรมสดุดี ทูลขอพระเจ้าดังนี้

“ข้าแต่พระยาห์เวห์

1).ขออย่าให้ข้าพระองค์อับอายเลย

2).ขอทรงปลดปล่อยข้าพระองค์ให้พ้นภัยโดยความชอบธรรมของพระองค์

3).ขอทรงเอียงพระกรรณฟังข้าพระองค์

4).ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้รอด

6).ขอทรงบัญชาให้ช่วยข้าพระองค์ให้รอด

7).ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้น

ก.จากมือของคนอธรรม

ข.จากเงื้อมมือของคนคดและคนดุร้าย (โหดร้ายทารุณ)

~สดุดี 71:1-6 THSV11

คำถามคือ

พระเจ้าทรงมีความสำคัญหรือมีความหมายอะไรต่อคุณบ้าง?

คุณขอให้พระเจ้าทรงทำอะไรเพื่อคุณบ้าง?

และ พระองค์ทรงโปรดทำให้คุณตามที่ขอนั้นหรือไม่? อย่างไร?

ใช่ครับ โดยปกติเราจะได้รับในสิ่งที่เราทูลขอจากพระเจ้า!

แต่ก็อาจมีบางครั้งที่ พระเจ้า อาจ

1).ไม่ตอบ หรือ

2).ตอบว่าไม่

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาในภายหลัง กลับดีกว่าสิ่งที่คุณขอ!

คงเหมือนกับที่ Garth Brooks กล่าวว่า

“ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระเจ้าบางครั้ง

ก็ คือคำอธิษฐานที่ไม่ได้รับคำตอบ!“

(Some of God's greatest gifts

are unanswered prayers.)

พี่น้องที่รัก

ถ้าคุณเข้าไปลี้ภัยอยู่ในพระเจ้าจริงๆ

พระเจ้าจะไม่ทำให้คุณอับอายในบั้นปลาย อย่างแน่นอน

… เชื่อผมไหมครับ?

~~~~~~~~~~~~~~~

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

26มีนาคม2025

1056 episodes

#ศาสนา #ศาสนาคริสต์ #Soul Food Ministries

Alla avsnitt

Soul Food Podcasts

1
สดแต่เช้า Ep.27 จงเตือนตน ให้พ้นภัย! 5:15

22 hours ago5:15

5:15

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่27) จงเตือนตน ให้พ้นภัย! “เพราะเหตุนี้คนที่คิดว่าตัวเอง มั่นคงดีแล้ว ก็จงระวังไม่ให้ล้มลง” ~1 โครินธ์ 10:12 THSV11 “So, if you think you are standing firm, be careful that you don’t fall!” ~1 Corinthians 10:12 NIV มีคำเตือนสติเรื่องการเตือนตัวเองไว้ดีมาก ดังนี้ “จงเตือนตน ของตน ให้พ้นผิด ตนเตือนจิต ตนได้ ใครจะเหมือน ตนเตือนตน ไม่ได้ ใครจะเตือน อย่าแชเชือน จงเตือนตน ให้พ้นภัย” ขอให้เราตระหนักไว้เสมอว่า การไม่เตือนตัวเองจะนำผลเสีย มาให้แก่เราแบบไม่รู้ตัว อาทิ 1.เสียหายอย่างไม่จำเป็น ถ้าเราไม่ระวัง และไม่เตือนตัวเองให้อยู่ในร่องในรอย เราอาจจะเสียหายจากความไม่รู้และความผิดพลาดได้ และหมดความเชื่อมั่นในตัวเอง ไปอย่างน่าเสียใจ 2.หลงทางในชีวิต ถ้าเราไม่คอยเตือนตัวเองว่า “อะไรคือสิ่งสำคัญก่อนหลัง ” เราอาจหลงวิ่งตามสิ่งที่ไม่ยั่งยืน เช่น เงินทอง ชื่อเสียง หรือความคาดหวังคนอื่น และพลาดไปจากทางชีวิตที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ให้ 3.เสียโอกาสในชีวิต ถ้าเราไม่เตือนตัวเองว่า “เวลามันมีจำกัด” และไม่กล้าฉวยคว้าโอกาสที่เข้ามาในชีวิต บางครั้งเมื่อโอกาสมาถึง และเลยไปเราอาจต้องมานั่งเสียดายภายหลัง 4.หลงลืมคุณค่าของตัวเอง ถ้าเราไม่เตือนตัวเองว่าพระเจ้าทรงสร้างเรามาอย่างมีคุณค่า มัวแต่ตำหนิตัวเอง หรือเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เราจะหมดความสุขในชีวิตไปเรื่อย ๆ 5.จมอยู่กับความทุกข์นานเกินไป ถ้าเราไม่เตือนใจตัวเองให้ “ลุกขึ้นมาใหม่“เมื่อเราผิดพลาด ผิดหวัง และเศร้าโศก โดยถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต เราอาจติดอยู่ในหลุมของความทุกข์นานเกินกว่าที่ ควรจะเป็น 6.ทำผิดซ้ำ ๆ โดยไม่รู้ตัว ถ้าเราไม่เตือนตัวเอง เราอาจจะวนอยู่ในพฤติกรรมแย่ ๆ เช่น ผัดวันประกันพรุ่ง พูดจาทำร้ายคนอื่น หรือปล่อยตัวเองให้ติดอยู่กับนิสัยที่ทำผิดซ้ำซาก 7.หลงผิดโดยไม่รู้ตัว ถ้าเราไม่คอยเตือนตัวเองว่าอะไรถูกอะไรผิด วันหนึ่งเราจะเริ่ม “หาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง” เพื่อทำสิ่งที่ผิดโดยไม่รู้สึกผิด เช่น การโกหกเล็ก ๆ หรือการเอาเปรียบคนอื่นก็เพื่อความอยู่รอดและถือว่านั่นไม่เป็นไร 8.กลายเป็นคนไร้จุดหมาย ถ้าเราไม่เตือนตัวเอง เราจะไม่มีทิศทาง ไม่มีแรงบันดาลใจ และไม่มีความหมายที่แท้จริงในชีวิตและจะตื่นขึ้นมาแต่ละวันเหมือนแค่รอให้หมดเวลา 9. ติดนิสัยแย่ ๆ โดยไม่รู้ตัว ถ้าเราไม่เตือนตัวเองและปล่อยให้นิสัยไม่ดีสะสม เช่น อารมณ์ร้อน ใส่ใจเรื่องไร้สาระมากกว่าความฝันของตัวเอง สุดท้ายเราอาจกลายเป็นตัวเราที่ไม่อยากเป็น 10.เสียความสัมพันธ์สำคัญ ถ้าเราไม่เตือนตัวเองให้ระวังคำพูด ท่าที การกระทำ หรือความรู้สึกของเราที่มีต่อคนอื่น เราอาจทำร้ายคนรอบข้างโดยไม่ตั้งใจ หรือบางครั้งอาจรู้ตัว… แต่ก็สายเกินไปที่จะแก้ไข พี่น้องที่รัก ขอให้เราหมั่นเตือนตัวเองให้มีสติอยู่เสมอ โดยไม่ต้องรอให้คนอื่นใดมาเตือนเรา เพื่อว่าเราจะได้ไม่ล้มลงอย่างไม่เป็นท่า …จะดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 27เมษายน2025 (ตอน27ของปีที่5) #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า…

Soul Food Podcasts

1
พระธรรมนำชีวิต ตอน อย่าทำตามอำเภอใจ Ep.1250 3:22

2 days ago3:22

3:22

พระธรรมนำชีวิต ตอน อย่าทำตามอำเภอใจ Ep.1250 หลังจากที่ซามูเอลแจ้งเหตุการณ์ล่วงหน้าให้ซาอูลรู้แล้ว ซามูเอลก็กลับ ตอนนั้นเหลือทหารอยู่กับซาอูลและโยนาธานเพียง 600 คน พระวจนะของพระเจ้าบันทึกเรื่องราวที่ดูแล้วน่าหวั่นใจมากในยามศึกสงคราม คือซาอูลกับโยนาธานเท่านั้นที่มีอาวุธ ส่วนคนอิสราเอลไม่มีอาวุธ พวกเขามีเพียงผาล พลั่ว ขวานและเคียว ซึ่งเป็นเครื่องมีทำมาหากิน แม้แต่จะให้ลับคมก็ยังใช้เงินมากที่เดียว ในบทที่ 14 วันนึงโยนาธานก็ชวนคนถืออาวุธของท่านไปที่กองทัพของฟิลิสเตีย โดยมีหมายสำคัญว่า ถ้าทหารฟิลิสเตียนเรียกเขาเข้าไปหา ก็หมายความว่า พระเจ้าประทานทหารฟิลิสเตียให้เขา ส่วนซาอูลพระวนะจองพระเจ้าบันทึกว่า เขาเชิญปุโรหิตที่เป็นหลานของเอลีมาอยู่กับเขา สิ่งที่โยนาธานทำคืออีกแล้วนะครับ โยนาธานไปโดยไม่ถามซาอูลอีกแล้วครับ เมื่อไปพบทหารฟิลิสเตียแล้ว 'พวกกองทหารจึงร้องบอกโยนาธานและผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า “จงขึ้นมาหาเรา แล้วเราจะบอกให้เจ้ารู้เรื่องสักเรื่องหนึ่ง” และโยนาธานจึงบอกผู้ถือเครื่องอาวุธของท่านว่า “จงขึ้นตามข้ามา เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงมอบพวกเขาไว้ในมืออิสราเอลแล้ว” ' 1 ซามูเอล 14:12 แน่นอนครับโยนาธานและคนของเขาจัดการทหารของฟิลิสเตีย แต่นั่นคือสิ่งที่เขาทำ แต่สิ่งที่เราจะพบต่อจากนี้ คือพระเจ้าทรงทำกิจของพระองค์ 'และเกิดการสั่นสะท้านในค่ายในทุ่งนาและในพวกทหารทั้งหมด กองทหารนั้นและแม้แต่กองปล้นพวกนี้ก็หวาดกลัวตัวสั่นและแผ่นดินก็ไหว คือการสั่นสะท้านที่มาจากพระเจ้า ' 1 ซามูเอล 14:15 พระเจ้าเท่านั้นที่ควบคุมทุกสิ่งได้เพราะพระองค์เป็นเจ้าของทุกสิ่ง เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าพระผู้สร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา 'เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงทำการอยู่ภายในพวกท่าน ให้ท่านมีความประสงค์และมีความสามารถทำตามชอบพระทัยของพระองค์ ' ฟีลิปปี 2:13 ขอให้เราเองจะไม่ทำอะไรตามอำเภอใจ แต่ให้เราทำทุกสิ่งตามพระทัย ตามความต้องการของพระเจ้าเสมอ แล้วเราจะเห็นว่าพระเจ้าทรงทำกิจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ในชีวิตเรา แม้ว่าอาจจะไม่เกิดการอัศจรรย์อะไรเหมือนเรื่องราวนี้ แต่ชัยชนะหรือผลสำเร็จนั้นจะเต็มด้วยพระพรหรือความสุขจากพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ…

Soul Food Podcasts

1
สดแต่เช้า Ep.26 คอร์รัปชั่น (corruption)! 6:02

2 days ago6:02

6:02

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่26) คอร์รัปชั่น (corruption)! “อภิรัฐมนตรีและอุปราชทั้งหลายจึงหาเหตุฟ้องดาเนียลในเรื่องราชอาณาจักร แต่ก็หาความผิดไม่ได้ เพราะท่านเป็นคนซื่อสัตย์ จะหาความพลั้งพลาดหรือการทุจริตในท่านไม่ได้เลย” ~ดาเนียล 6:4 คำว่า “คอร์รัปชัน” (corruption) หมายถึง “ การทุจริตหรือการใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางที่ผิดเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือกลุ่มพวกพ้อง รวมถึงการรับสินบน การใช้อำนาจโดยมิชอบ เอาเปรียบ ตัดสินพิพากษาไปในทางที่ไม่ยุติธรรม การโกง การฮั้ว การยักยอกหรือการแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบจากทรัพยากรของรัฐหรือองค์กรต่าง ๆ(กระทำผิดที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญา) ในอดีต พวกศัตรูของดาเนียลผู้เป็น1ใน3 อภิรัฐมนตรีแห่งบาบิโลน พยายามจะหาเรื่องจับผิดเล่นงานท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องคอร์รัปชัน แต่กลับหาไม่พบเลย จึงเอาเรื่องศาสนามาเล่นงานแทน “คนเหล่านี้จึงพูดกันว่า “ไม่มีทางหาเหตุฟ้องดาเนียล(ในเรื่องคอร์รัปชัน)ได้ นอกจากเราจะหาเหตุในเรื่องธรรมบัญญัติแห่งพระเจ้าของเขา”” ~ดาเนียล 6:5 THSV11 อย่างที่เรารู้กัน คอร์รัปชัน ส่งผลเสียมากมาย ต่อประเทศ และสังคม อาทิ 1.ทำให้ทรัพยากรของชาติ หรือของส่วนรวมสูญเสียไป 2.บั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง 3.ทำให้ระบบความยุติธรรมบิดเบี้ยว 4.เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา เศรษฐกิจ และสังคม 5.เป็นการทำร้ายผู้บริสุทธิ์และผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม (รวมทั้งประเทศชาติ) ในพระคัมภีร์ (Bible) ถึงแม้จะไม่ได้ใช้คำว่า “คอร์รัปชัน” ตรง ๆ เหมือนในยุคปัจจุบัน แต่หลักคำสอนหลายตอนพูดถึงพฤติกรรมที่เข้าข่ายคอร์รัปชัน จึงประณามและห้ามทำพฤติกรรมเหล่านั้นอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น: 1.ห้ามรับสินบน “ห้ามรับสินบน เพราะว่าสินบนทำให้คนตาดีกลายเป็นคนตาบอดไป และทำให้คดีของคนชอบธรรมพลิกผันได้” ~อพยพ 23:8 THSV11 2.ห้ามบิดเบือนความยุติธรรม “ท่านจงแต่งตั้งผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตามเมืองของท่าน ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ประทานแก่ท่าน ตามเผ่าต่างๆ ของท่าน ให้พวกเขาพิพากษาประชาชนตามความยุติธรรม ห้ามทำให้เสียความยุติธรรม ห้ามลำเอียง ห้ามรับสินบน เพราะว่าสินบนทำให้ตาของคนมี ปัญญาบอดไป และกลับคดีของคนชอบธรรมเสีย ท่านจงติดตามความยุติธรรมคือ ความ ยุติธรรมเท่านั้น เพื่อท่านจะมีชีวิตและได้ยึดครองแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ประทานแก่ท่าน” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 16:18-20 THSV11 3.ห้ามออกกฎหมายที่อธรรม “วิบัติแก่คนเหล่านั้นที่ออกกฎหมายอธรรม และแก่พวกที่เขียนกฎมาบีบบังคับ เพื่อผลักไสคนขัดสนไปจากความยุติธรรม และปล้นสิทธิของคนจนแห่งชนชาติของเรา เพื่อให้หญิงม่ายกลายเป็นของริบของพวกเขา และทำให้ลูกกำพร้าพ่อกลายเป็นเหยื่อ” ~อิสยาห์ 10:1-2 THSV11 4.ห้ามใช้อำนาจหน้าที่ในการเอากำไรอธรรมใส่ตัว เอาเปรียบ ข่มเหงหรือทำร้ายคนอื่น “พวกเจ้านายในท่ามกลางแผ่นดินเป็นเหมือนสุนัขป่าที่ฉีกเหยื่อ ทำให้โลหิตตก ทำลายชีวิต เพื่อจะเอากำไรอธรรม และบรรดาผู้เผยพระวจนะของแผ่นดินนั้น ก็ฉาบปูนขาวให้กับพวกเขา ด้วยการเห็นนิมิตปลอม และให้คำทำนายเท็จแก่เขา โดยกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย ตรัสดังนี้’ ทั้งที่พระยาห์เวห์ไม่ได้ตรัสเลย ประชาชนในแผ่นดินทำการบีบบังคับและทำการ โจรกรรม เออ เขาบีบบังคับคนยากจนและคนขัดสน และบีบบังคับคนต่างด้าวอย่างไม่ ยุติธรรม“ ~เอเสเคียล 22:27-29 THSV11 พระคัมภีร์สอนให้เรา 1.ละทิ้งและห่างไกลจากคอร์รัปชัน 2.ยึดมั่นในความชอบธรรม ความยุติธรรม และ พระคัมภีร์ยังเตือนถึงผลร้ายของการคดโกง ไม่ว่าจะในฐานะผู้นำ เจัาหน้าที่ หรือประชาชนทั่วไป นั่นคือ หากว่าเรายังคงใช้สิทธิอำนาจที่มีไปคอร์รัปชั่น พระเจ้าจะพิพากษาเรา! “ฉะนั้นเราจึงเทความเกรี้ยวกราดของเราลงเหนือเขา เราทำให้พวกเขาหมดสิ้นไปด้วยไฟ พิโรธของเรา เราจะลงทัณฑ์ตามการประพฤติของพวกเขาเหนือศีรษะเขา” พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ” ~เอเสเคียล 22:27-29, 31 THSV11 แล้วเราควร จะจัดการกับคอร์รัปชันอย่างไร? 1.เริ่มจากตัวเราของเราเองก่อน •ยำเกรงพระเจ้า และเคารพกฎหมาย •ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ ไม่ติดสินบนและ ไม่เรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ •กล้าปฏิเสธสิ่งที่ไม่ถูกต้องแม้ในเรื่องเล็กน้อย 2.เสริมสร้างจิตสำนึกในสังคม •สอนลูกหลานและลูกศิษย์ในเรื่องความซื่อสัตย์ ในการเคารพกฎหมาย •สนับสนุนวัฒนธรรมโปร่งใสในที่ทำงาน โรงเรียน และชุมชน 3.กล้ารายงานเมื่อพบการทุจริต •ใช้ช่องทางของหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียน เช่น ป.ป.ช. หรือศูนย์รับแจ้งเบาะแสต่างฯ 4.เลือก ส่งเสริมคนดีให้เป็นผู้นำที่ดีและซื่อสัตย์ •เลือกผู้แทนหรือผู้นำที่มีประวัติสัตย์ซื่อมือสะอาด •ตรวจสอบการทำงานของผู้นำและเจ้าหน้าที่รัฐอย่างต่อเนื่อง 5.ใช้หลักธรรมทางศาสนาเป็นแนวทาง •รณรงค์ให้ดำเนินตามวิถีทางในพระคัมภีร์ ในเรื่องความรักเมตตา ความถ่อมใจ รู้จักพอ ส่งเสริมเรื่องความยุติธรรม ความซื่อสัตย์ และการปฏิเสธสินบน ซึ่งสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ พี่น้องที่รัก ให้พวกเราลุกขึ้นมา ทำอย่างนี้ด้วยกัน เพื่อต่อต้านคอร์รัปชัน …จะดีไหมครับ?…

Soul Food Podcasts

1
สดแต่เช้า Ep.25 อย่าเห็นแก่เงิน 6:20

3 days ago6:20

6:20

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่25) อย่าเห็นแก่เงิน[ “ท่านอย่าเป็นคนเห็นแก่เงิน จงพอใจในสิ่งที่ท่านมีอยู่ เพราะว่าพระองค์ได้ตรัสว่า “เราจะไม่ละท่านหรือทอดทิ้งท่านเลย”” ~ฮีบรู 13:5 THSV11 “Keep your lives free from the love of money and be content with what you have, because God has said, “Never will I leave you; never will I forsake you.”” ~Hebrews 13:5 NIV พระคัมภีร์ตอนนี้สอนบทเรียนสำคัญให้แก่เรา ดังนี้ 1.“จงอย่ารักเงินทอง” “รักเงินทอง” (love of money) ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การมีเงิน แต่หมายถึง “ความยึดติด” “ความโลภ” หรือ “การแสวงหาความมั่นคงจากทรัพย์สิน“ ผู้เขียนกำลังเตือนว่า การรักเงินทอง หรือ การวางใจในทรัพย์สิน แทนที่จะวางใจในพระเจ้านั้น 1).เป็นอนิจจังไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน 2).เป็นเหตุที่ทำให้เราตรอมตรมด้วยความทุกข์มากมาย และ 3).เป็นอันตรายทั้งต่อ ก.ชีวิตและ ข.การรับใช้พระเจ้า ของเรา อาจารย์เปาโลเตือนว่า “เพราะว่าการรักเงินทองเป็นรากเหง้าของความชั่วทั้งหมด ความโลภเงินทองนี้ที่ทำให้บางคนหลงไปจากความเชื่อ และตรอมตรมด้วยความทุกข์มากมาย” ~1 ทิโมธี 6:10 THSV11 2.“จงพอใจในสิ่งที่มีอยู่” “การพอใจ”(contentment) ในที่นี้ คือการรู้จักขอบคุณในสิ่งที่พระเจ้าได้ประทาน เป็น การมีใจสงบ ไม่โลภ ไม่กระวนกระวาย แต่ไม่ใช่การ “หยุดเติบโต”หรือ ”หยุดก้าวหน้า“ อาจารย์เปาโลเตือนสติ 1).ให้เรารู้จักพอใจใน ก.อาหารและ ข.เสื้อผ้าที่เรามีอยู่ “ถ้ามีอาหารและเสื้อผ้า เราก็ควรพอใจในสิ่งเหล่านั้น” ~1 ทิโมธี 6:8 THSV11 2).ให้เราไม่บ่นเรื่องความขัดสน 3).ให้เราเรียนรู้ที่จะพอใจในสภาพที่เป็นอยู่ ก.รู้จักความขาดแคลน ข.รู้จักความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดหรือในทุกกรณี ค.รู้จักเคล็ดลับในการเผชิญ ก).ความอิ่มท้องและความอดอยาก ข).ความอุดมสมบูรณ์และความขัดสน “ข้าพเจ้าไม่ได้พูดเนื่องจากความขัดสน เพราะข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะพอใจในสภาพที่เป็นอยู่ ข้าพเจ้ารู้จักความขาดแคลนและรู้จักความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดหรือในทุกกรณี ข้าพเจ้าได้เรียนรู้เคล็ดลับในการเผชิญความอิ่มท้องและความอดอยาก ความอุดมสมบูรณ์และความขัดสนแล้ว” ~ฟีลิปปี 4:11-12 THSV11 3.“จงวางในพระเจ้า” นี่คือ หัวใจสำคัญของข้อพระคัมภีร์นี้ “เพราะพระองค์ได้ตรัสว่า ‘เราจะไม่ละท่านหรือทอดทิ้งท่านเลย’” คำว่า “ไม่ละ” และ “ไม่ทอดทิ้ง” ในต้นฉบับภาษากรีก ใช้คำปฏิเสธสองชั้น (double negative) แปลว่า พระเจ้าจะ “ไม่มีทางเด็ดขาด” ที่จะทิ้งเรา นี่เป็นคำสัญญาจากพระเจ้าที่ว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พระเจ้าจะอยู่กับเราเสมอ เหมือนพระสัญญาที่พระเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า “ไม่มีใครจะยืนหยัดต่อหน้าเจ้าได้ตลอดชีวิตของเจ้า เราอยู่กับโมเสสมาแล้วอย่างไร เราจะอยู่กับเจ้าอย่างนั้น เราจะไม่ละเลยหรือทอดทิ้งเจ้า” ~โยชูวา 1:5 THSV11 สรุป ความหมายหลักของ ฮีบรู 13:5 คือ ให้เราวางใจในพระเจ้า ไม่ใช่วางใจในทรัพย์สิน เพราะ“ทรัพย์สินอาจลดหมดไป แต่พระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งเรา” ความมั่นคงของเราไม่ได้อยู่ที่เงินทอง แต่อยู่ที่พระเจ้า นั่นคือ อยู่ที่ 1).พระสัญญา(ในการเลี้ยงดู ปกป้อง จัดเตรียมและช่วยกู้) และ 2).การทรงสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้า ดังนั้น เราจึงสามารถรับมือและพอใจได้ในทุกสถานการณ์ เพราะพระเจ้าทรงอยู่กับเราเสมอ และพระองค์ทรงย้ำเตือนเราว่า “เราอยู่กับเจ้าตรงนี้ เราไม่ไปไหน!” …อาเมนไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 25เมษายน2025 (ตอน 25ของปีที่5) #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า…

Soul Food Podcasts

1
สดแต่เช้า Ep. 24 จงระวังผู้เผยพระวจนะ “self-made” 6:20

4 days ago6:20

6:20

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่24) จงระวังผู้เผยพระวจนะ “self-made” “พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า “อย่าฟังถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ ผู้เผยให้ท่านฟัง ทำให้ท่านเต็มด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ เขากล่าวถึงนิมิตในใจของเขาเอง ไม่ใช่จากพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์” ~เยเรมีย์ 23:16 THSV11 “This is what the Lord Almighty says: “Do not listen to what the prophets are prophesying to you; they fill you with false hopes. They speak visions from their own minds, not from the mouth of the Lord.” ~Jeremiah 23:16 NIV จงฟังผู้เผยพระวจนะที่มาจากพระเจ้า! จงถ่อมใจน้อมรับคำเผยพระวจนะที่ มาจากถ้อยคำที่พระเจ้าบรรจุไว้ในปากของเขา “เราจะให้มีผู้เผยพระวจนะอย่างเจ้าเกิดขึ้นในหมู่พวกพี่น้องของเขา และเราจะใส่ถ้อยคำของเราในปากของเขา และเขาจะกล่าวทุกสิ่งที่เราบัญชาเขาไว้นั้นแก่พวกเขา” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 18:18 THSV11 แต่จงระวัง คนบางคนที่ทำตัวเป็นผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า แบบ “self-made” ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากพระเจ้าด้วยสาเหตุบางประการหรือหลายประการ ลักษณะของการเผยพระวจนะ ที่พระเจ้าไม่รับรอง เป็นอย่างไรบ้าง? 1.ขัดกับพระคัมภีร์ เช่น สอนให้ละเมิดบัญญัติ กฎเกณฑ์ของพระเจ้า หรือ สนับสนุนให้ทำบาป ““ถ้าในท่ามกลางท่านเกิดมีผู้เผยพระวจนะหรือผู้ฝันเห็นเหตุการณ์ขึ้น และสำแดงหมายสำคัญหรือการอัศจรรย์แก่ท่าน และหมายสำคัญหรือการอัศจรรย์ซึ่งเขาบอกท่านนั้นสำเร็จจริง ถ้าเขากล่าวว่า ‘ให้เราติดตามพระอื่นๆ กันเถิด (ซึ่งเป็นพระที่ท่านไม่รู้จัก) และให้เรามาปรนนิบัติพระเหล่านั้น’ ท่านอย่าเชื่อฟังคำของผู้เผยพระวจนะหรือผู้ฝันเห็นเหตุการณ์คนนั้น เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงลองใจพวกท่านดู เพื่อจะได้ทรงทราบว่าพวกท่านรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่านหรือไม่?” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 13:1-3 THSV11 2.ไม่สำเร็จตามที่เผยหรือที่พูด เช่น เผยพระวจนะแล้วไม่เป็นจริง หรือไม่เกิดขึ้นตามที่บอกไว้ “เมื่อผู้เผยพระวจนะกล่าวคำในพระนามของพระยาห์เวห์ ถ้าไม่เป็นจริงตามถ้อยคำนั้นและสิ่งนั้นไม่เกิดขึ้น ถ้อยคำนั้นไม่ได้เป็นพระวจนะที่พระยาห์เวห์ตรัส ผู้เผยพระวจนะนั้นบังอาจกล่าวเอง อย่าเกรงกลัวเขาเลย” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 18:22 THSV11 3.ถูกขับเคลื่อนด้วยแรงจูงใจส่วนตัว เช่น แสวงหาชื่อเสียง เงินทอง หรือผลประโยชน์ หรือการยอมรับส่วนตัว แทนที่จะเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้า “พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า “อย่าฟังถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ ผู้เผยให้ท่านฟัง ทำให้ท่านเต็มด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ เขากล่าวถึงนิมิตในใจของเขาเอง ไม่ใช่จากพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์” ~เยเรมีย์ 23:16 THSV11 4.หลอกลวงหรือชักนำคนให้หลงทาง เช่น มักจะพูดสิ่งที่ “ฟังดูดี” หรือ “ปลอบใจ” แต่ไม่ได้ตรงกับน้ำพระทัยของพระเจ้า “เพราะว่า เออ เนื่องจากว่าพวกเขาได้นำประชาชนของเราให้หลงไป โดยกล่าวว่า ‘สันติภาพ’ ในเมื่อไม่มีสันติภาพเลย คือเมื่อคนสร้างกำแพง ผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นก็ฉาบด้วยปูนขาว” ~เอเสเคียล 13:10 THSV11 5.ไม่ได้มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า เช่น คำเผยหรือคำสอนทำให้คนผิดเพี้ยนไปจากทางของพระเจ้าตามคน โดยสำแดงพลังอำนาจหรือสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่ไม่สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้า “เพราะว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จหลายคนปรากฏขึ้น แสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อล่อลวงแม้พวกที่พระเจ้าทรงเลือกถ้าเป็นได้” ~มัทธิว 24:24 THSV11 6.เอาความคิด ความรู้สึก หรือความฝันส่วนตัวเป็นตัวนำ เช่น เอาความคิดเห็นส่วนตัว อารมณ์ความรู้สึก หรือ ความฝันของตัวเป็นที่ตั้ง “เราได้ยินผู้เผยพระวจนะผู้ซึ่งเผยพระวจนะเท็จในนามของเราได้กล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าฝันไป ข้าพเจ้าฝันไป’” ~เยเรมีย์ 23:25 THSV11 7.เผยเท็จ โดยมีเจตนาอื่นแอบแฝง โดยอ้างนามพระเจ้า เช่น ตั้งใจสอนเท็จ หลอกลวงผู้ฟังให้คล้อยตามเป็นพวก “พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราไม่ได้ใช้เขา แต่เขาเผยพระวจนะเท็จในนามของเรา ซึ่งทำให้เราต้องขับไล่เจ้าออกไปและเจ้าจะต้องพินาศ ทั้งตัวเจ้าและผู้เผยพระวจนะทั้งหลายซึ่งเผยพระวจนะให้แก่เจ้า”” ~เยเรมีย์ 27:15 THSV11 พี่น้องที่รัก หากว่าเวลานี้ คุณกำลังเผชิญกับการเผยพระวจนะ คำพยากรณ์หรือคำสอนใดๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกเคลือบแคลงสงสัย คุณจงชันสูตรตรวจสอบด้วย 1.การอธิษฐานขอการนำและการเปิดเผยจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ 2.การเปิดพระคัมภีร์อ่านและศึกษาดูว่าสิ่งเหล่านั้นจริงหรือไม่ 3.การปรึกษาผู้ใหญ่ฝ่ายจิตวิญญาณที่เชี่ยวชาญในเรื่องพระคัมภีร์และปรากฏการณ์ต่างๆ และหากว่า พบความไม่ชอบมาพากล คุณก็สมควรที่จะออกห่างจากผู้เผย ผู้พยากรณ์ หรือผู้สอนเหล่านั้น เพราะว่า คนที่ทำเช่นนั้น และผู้ติดตามจะได้รับโทษหนัก เหมือนคำเตือนดังนี้ “แต่ผู้เผยพระวจนะที่บังอาจกล่าวคำในนามของเราซึ่งเราไม่ได้บัญชาให้กล่าว หรือกล่าวในนามของพระอื่น ผู้เผยพระวจนะนั้นต้องมีโทษถึงตาย’” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 18:20 THSV11 …เห็นด้วยไหมครับ?…

Soul Food Podcasts

1
พระธรรมนำชีวิต ตอน หากไม่รอก็เริ่มพัง Ep.1248 3:53

4 days ago3:53

3:53

พระธรรมนำชีวิต ตอน หากไม่รอก็เริ่มพัง Ep.1248 ในชีวิตหลายครั้งความกดดันรอบด้านทำให้เราตัดสินใจรีบทำอะไรบางอย่าง เพราะเรานิ่งเงียบรอไม่ไหว แม้รู้ว่าต้องรอแต่เรากลับพาตัวเองไปในพื้นที่ที่ไม่ควรทำอะไรที่ต้องรออยู่ ถ้าไม่รอนั่นหมายความว่าเราอาจจะเริ่มพังแล้ว 'ข้าพเจ้าจึงว่า ‘บัดนี้ พวกฟีลิสเตียจะยกมารบกับข้าพเจ้าที่กิลกาล และข้าพเจ้ายังไม่ได้ทูลวิงวอนเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์’ ข้าพเจ้าจึงบังคับตัวเองขึ้นไปถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว” ' 1 ซามูเอล 13:12 สถานการณ์มันบีบคั้นมากๆ แม้ว่าซาอูลรู้ว่าต้องรอซามูเอล ในพระวจนะของพระเจ้าใช้คำว่า ข้าพเจ้าจึงบังคับตัวเอง แสดงว่าเขาขึ้นไปด้วยความลังเล ด้วยความกลัว สับสน แต่เพราะเขาเป็นผู้นำที่ต้องควบคุมสถานการณ์ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือซอูลกลับเสียมากกว่าได้เพราะคิดว่าตัวเองสามารถควบคุมได้ แต่ในสายพระเนตรของพระเจ้า การไม่ยอมรอคือการไม่ไว้วางใจ ความเชื่อและความวางใจแท้ จะถูกพิสูจน์ในตอนที่เราต้องรอ ขอให้เราจะรอแล้วสอบผ่าน เพื่อเราจะรู้ว่าเราเป็นของแท้ของพระเจ้า 'และซามูเอลทูลซาอูลว่า “ท่านได้ทำการที่โง่เขลา ท่านไม่ได้รักษาพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาท่านไว้ เพราะพระยาห์เวห์จะได้ทรงสถาปนาราชอาณาจักรของท่านเหนืออิสราเอลตลอดไป ' 1 ซามูเอล 13:13 ซามูเอลว่ากล่าวซาอูลว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นการโง่เขา เพราะซาอูลไม่ได้ใส่ใจระวังรักษาที่จะทำตามคำสั่งของพระเจ้า การยำเกรงเชื่อฟังพระเจ้าเป็นจุดเริ่มต้นของปัญญา ความโง่เขลาสำหรับพระเจ้าไม่ใช่เรื่องความไม่รู้ แต่มันคือการรู้แล้ว ไม่ยอมทำตาม ไม่ยอมเชื่อฟัง พระพรของพระเจ้าไม่ได้อยู่ที่การเริ่มต้นดี แต่พระพรของพระเจ้าอยู่ที่การใส่ใจระวังรักษาที่จะทำตามคำสั่งของพระเจ้า 'อย่าคิดว่าตนมีปัญญา จงยำเกรงพระยาห์เวห์ และจงหันจากความชั่วร้าย ' สุภาษิต 3:7 ขอให้เรื่องราววันนี้จะนำให้เราพิสูจน์ตัวเองว่าเราเป็นของแท้ของพระเจ้า ด้วยการรอคอยอย่างอดทนในความเชื่อและด้วยความวางใจในพระเจ้า อย่าวางใจในความรอบรู้และกำลังของตัวเองแต่จงวางใจในพระเจ้า แม้ว่าสถานการณ์นั้นจะกดดันสุดๆ ขอให้เราเชื่อฟังจนเป็นผู้รับพระพรของพระเจ้าด้วยการใส่ใจระวังรักษาทุกถ้อยคำที่พระเจ้าสั่งไว้ทุกประการ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ…

Soul Food Podcasts

1
สดแต่เช้า Ep.23 แยกแยะเป็นไหมเอ่ย? 5:44

5 days ago5:44

5:44

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่23) แยกแยะเป็นไหมเอ่ย? “ฉะนั้นขอพระองค์ประทานความคิดความเข้าใจแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะวินิจฉัยประชากรของพระองค์ เพื่อจะแยกแยะความแตกต่างระหว่างดีกับชั่วได้ เพราะใครจะสามารถวินิจฉัยประชากรมากมายนี้ของพระองค์ได้?”” ~1 พงศ์กษัตริย์ 3:9 THSV11 “Give me a heart that listens so that I can judge your people and tell the difference between good and evil. After all, who can judge this great people of yours?”” ~1 Kings 3:9 GW พระวจนะของพระเจ้าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง บางคนกล่าวว่าหรืออ้างว่าตัวเขาเป็นผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า แต่พระเยซูคริสต์เตือนว่า มีผู้เผยพระวจนะทั้งจริงและปลอม และพวกผู้เผยพระวจนะปลอมเทียมเท็จ กำลังปรากฏตัวให้เห็นมากขึ้น “เพราะว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จหลายคนปรากฏขึ้น แสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อล่อลวงแม้พวกที่พระเจ้าทรงเลือกถ้าเป็นได้” ~มัทธิว 24:24 THSV11 “For false messiahs and false prophets will appear and perform great signs and wonders to deceive, if possible, even the elect.” ~Matthew 24:24 NIV แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าพระวจนะที่เขาเผยนั้น เป็นจริงหรือไม่? เราจะแยกแยะได้อย่างไรว่า คำเผยพระวจนะใดแท้และคำเผยพระวจนะใดเท็จ? สิ่งที่ทำให้เรามั่นใจว่าการเผยพระวจนะนั้นมาจากพระเจ้า ก็คือ เมื่อคำถามต่อไปนี้ ได้รับคำตอบว่าใช่ ทั้งหมด 1.สิ่งที่เผยพระวจนะถึงนั้นเกิดขึ้นเป็นจริงตามที่เผยหรือไม่? 2.สิ่งที่เผยพระวจนะถึงนั้นถวายเกียรติแด่พระเจ้าหรือไม่? 3.สิ่งที่เผยพระวจนะถึงนั้นเป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินของพระเจ้าหรือไม่? 4.สิ่งที่เผยพระวจนะถึงนั้นสอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้าหรือไม่? 5.สิ่งที่เผยพระวจนะถึงนั้นเสริมสร้างและช่วยให้เรา ผู้อื่น และคริสตจักรเจริญเติบโตขึ้นหรือไม่? 6.สิ่งที่เผยพระวจนะถึงนั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้ดีขึ้นหรือบริสุทธิ์ขึ้นหรือไม่? 7.สิ่งที่เผยพระวจนะถึงนั้นสอดคล้องกับหลักข้อเชื่อหลักของคริสตจักรตั้งแต่ยุคแรกหรือไม่? 8.สิ่งที่เผยพระวจนะถึงนั้นช่วยนำคนให้เข้ามาหาพระเจ้าและรับความรอดหรือไม่? 9.สิ่งที่เผยพระวจนะถึงนั้นทำให้คนเข้าใจพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างถูกต้องมากขึ้นหรือไม่? 10.สิ่งที่เผยพระวจนะถึงนั้นทำให้เราลดความกลัวและเชื่อวางใจในพระคริสต์เพิ่มขึ้นหรือไม่? โมเสสก็ย้ำเตือนเช่นกันว่ามีผู้เผยพระวจนะทั้งแท้ และเทียม “เมื่อผู้เผยพระวจนะกล่าวคำในพระนามของพระยาห์เวห์ ถ้าไม่เป็นจริงตามถ้อยคำนั้นและสิ่งนั้นไม่เกิดขึ้น ถ้อยคำนั้นไม่ได้เป็นพระวจนะที่พระยาห์เวห์ตรัส ผู้เผยพระวจนะนั้นบังอาจกล่าวเอง อย่าเกรงกลัวเขาเลย!” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 18:22 THSV11 ดังนั้น อย่าให้เรารีบร้อนเชื่อในคำเผยพระวจนะใดๆ ไม่ว่าจะฟังดูโน้มน้าวใจมากสักเพียงใดกตาม แต่ขอให้เรามีวินัยในการตรวจเช็คดู หรือชันสูตรก่อนเสมอว่า การเผยพระวจนะนั้นมีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหนโดยเปรียบเทียบกับแนวทางทั้ง10ประการที่กล่าวมาแล้วข้างต้นก่อนเสมอ เหมือนดังที่ อาจารย์เปาโลกล่าวว่า “จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น!” ~1 เธสะโลนิกา 5:21 TH1971 “Instead, test everything. Hold on to what is good.” ~1 Thessalonians 5:21 GW …เห็นด้วยไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 23เมษายน2025 (ตอน23ของปีที่5) #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า…

Soul Food Podcasts

1
พระธรรมนำชีวิต ตอน ทำเท่าที่สั่งแต่ทำให้ดีที่สุด Ep.1247 4:00

5 days ago4:00

4:00

พระธรรมนำชีวิต ตอน ทำเท่าที่สั่งแต่ทำให้ดีที่สุด Ep.1247 เรากลับมากันต่อในบทที่ 13 เมื่อคนอิสราเอลเห็นกองทัพที่มากมายมหาศาลแบบนั้นทุกคนก็กลัวแล้วก็ไปแอบหล่นซ่อนตัวอยู่ ในข้อที่ 7 บอกว่า แต่ซาอูลยังอยู่ที่กิลกาลยังมีคนที่อยู่กับซาอูลแต่พวกเขาก็กลัว เรื่องต่อจากนี้อยากชวนให้พวกเราย้อนกลับคิดถึงตอนที่ซามูเอลพบกับซาอูลในบทที่ 10:8 ซามูเอลสั่งว่าให้คอยอยู่ที่กิลกาล 7 วัน แล้วซามูเอลจะตามลงไปถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า เรื่องที่ซามูเอลสั่งกำลังเกิดขึ้นในบทนี้ 'พระองค์ทรงคอยอยู่ 7 วันตามเวลาที่ซามูเอลกำหนดไว้ แต่ซามูเอลไม่ได้มาที่กิลกาล พวกทหารก็กระจัดกระจายไปจากพระองค์ ' 1 ซามูเอล 13:8 ผมก็เข้าใจนะครับว่า เพราะสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้ามันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว แต่สำหรับพระเจ้าแล้ว เมื่อพระองค์ตั้งใครให้ทำหน้าที่อะไร เราก็ต้องเชื่อฟัง แม้ว่าเวลานั้นจะดูหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างมากแล้ว สิ่งที่ซาอูลตัดสินในทำนั้นเขาพลาดมากๆ เขาไม่ยอมรอคอย เขาตัดสินใจถวายเครื่องบูชาเอง พอถวายเครื่องบูชาเสร็จ ซามูเอลก็มาถึง 'ซามูเอลทูลว่า “ท่านได้ทำอะไรไปแล้วนี่?” และซาอูลตรัสตอบว่า “เมื่อข้าพเจ้าเห็นประชาชนแตกกระจายไปจากข้าพเจ้า และท่านก็ไม่ได้มาภายในวันที่กำหนดไว้ และพวกฟีลิสเตียก็ชุมนุมกันที่มิคมาช ' 1 ซามูเอล 13:11 อย่าให้สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้ากดดันจนเราพ่ายแพ้ หลุดออกจากการเชื่อฟังและหลุดจากหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย สำหรับพระเจ้าแล้วไม่ใช่ใครก็ได้ พระเจ้าเลือกคนพิเศษไว้สำหรับงานของพระองค์ สำหรับพวกเรา พระเจ้าทรงเลือกพระเยซูเป็นคนพิเศษเพื่อนำเรากลับมาเป็นลูกของพระองค์ และการเชื่อวางใจในพระเยซูนั้นจึงทำให้เราเป็นคนที่พิเศษที่พระเจ้าเลือกมาเพื่อปรนนิบัติรับใช้พระองค์ 'เพราะว่าในร่างกายเดียวนั้น เรามีอวัยวะหลายอย่าง และอวัยวะนั้นๆ มีหน้าที่ต่างกันอย่างไร เราผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายเดียวในพระคริสต์ และเป็นอวัยวะแก่กันและกันอย่างนั้น ' โรม 12:4-5 ในความเห็นผม แม้ว่าพระเจ้าจะอวยพรให้เราเป็นคนพิเศษที่ต้องปรนนิบัติรับใช้พระองค์ผ่านพระเยซูแล้ว แต่เราแต่ละคนก็มีหน้าที่ที่แตกต่างกัน มีของประทานที่แตกต่างกัน เราต้องนำความสามารถที่แตกต่างนั้นมารับใช้พระเจ้าแต่เพียงผู้เดียวด้วยกัน อย่าให้สถานการณ์ที่กดดันทำให้เราไปทำในสิ่งที่พระเจ้าไม่ได้บอกให้ทำ ชีวิตแห่งความเชื่อในพระเจ้าไม่ยาก แค่เพียงหูต้องดีและใจต้องถ่อม ได้ยินอะไรมาก็ทำเท่านั้น ตามคำสั่ง อย่ามากไปหรืออย่าน้อยไป ทำเท่าที่สั่งแต่ทำให้ดีที่สุด เพราะนั่นคือการทำถวายแด่พระเจ้าผู้ทรงพระเกียรติสิริยิ่งใหญ่สูงสุด วุฒิ วงศ์สรรเสริญ…

Soul Food Podcasts

1
สดแต่เช้า Ep.22 อย่าลองจะดีกว่า! 7:04

6 days ago7:04

7:04

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่22) อย่าลองจะดีกว่า! “ห้ามใครในพวกท่านยอมให้บุตรชายหรือบุตรหญิงของตนลุยไฟ เป็นคนทำนาย เป็นหมอดู เป็นโหร หรือเป็นนักวิทยาคม เป็นหมอผี เป็นคนทรง เป็นพ่อมด แม่มด หรือเป็นหมอพราย” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 18:10-11 ก่อนที่อิสราเอลจะเข้าในแผ่นดินพระสัญญาที่พระเจ้าทรงประทานให้ พระเจ้าทรงห้ามไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ให้ประชากรของพระองค์เลียนแบบการกระทำที่พระเจ้าชิงชัง อาทิ การมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ยกบุตรชายบุตรสาว(ลุยไฟ)เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ การศรัทธาหรือกระทำตาม เช่น เป็นคนทำนาย หมอดูหรือ นักวิทยาคม ฯลฯ การใช้บริการ เช่น ขอให้คนทำนายหรือดูดวง การสนับสนุนส่งเสริมการเป็น 1).หมอดู ~ทำนาย เป็นโหร 2).นักคาถาอาคม ~แปลความหมายลางบอกเหตุต่างๆ 3).พ่อมดแม่มด ~ทำเวทมนตร์(นักวิทยาคม)ให้ร้ายให้ดีแก่คน 4).คนทรง ~ผู้ที่พยายามติดต่อ/ปรึกษากับคนตาย 5).หมอผี~หมอพราย เช่น ให้ลูกหลานเข้าพิธี ที่เกี่ยวกับวิทยาคม หรือไสยาศาสตร์ต่างๆ เหตุผลสำคัญจากมุมมองของพระคัมภีร์ ที่พระเจ้าทรงห้าม เพราะว่า สิ่งเหล่านั้น เป็นการเลียนแบบประพฤติตามหรือเลียนแบบวิถีของชนชาติที่ไม่รู้จักพระเจ้า ~เป็นการบูชารูปเคารพอื่นแทนพระเจ้า เช่นการฆ่าลูกถวายเป็นเครื่องบูชาเทพเจ้า และการใช้เวทมนตร์เพื่อควบคุมหรือเปลี่ยนโชคชะตา แต่ พระเจ้าทรงประสงค์ให้คนของพระองค์เป็นชนชาติบริสุทธิ์ แตกต่าง ไม่ประพฤติ หรือลอกเลียนแบบแนวทางเหล่านั้น “เมื่อท่านเข้าไปในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน อย่าเรียนรู้ที่จะทำสิ่งพึงรังเกียจตามชนชาติเหล่านั้น” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 18:9 เป็นการกระทำในสิ่งที่พระเจ้ารังเกียจ ถือว่าเป็นมลทินในสายพระเนตรของพระองค์ “ทุกคนที่ทำสิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นที่รังเกียจแด่พระยาห์เวห์ และเพราะสิ่งพึงรังเกียจเหล่านี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจึงทรงขับไล่พวกเขาไปพ้นหน้าท่าน” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 18:12 THSV11 เป็นการปฏิบัติที่ประกาศถึงการไม่เชื่อฟังและไม่พึ่งพาพระเจ้า ~เป็นการกบฏต่อพระเจ้าและขัดพระประสงค์ที่จะให้ประชากรของพระองค์เชื่อ วางใจและ พึ่งพาพระองค์ ไม่ใช่แสวงหาความช่วยเหลือ หรือการชี้ทางจากวิญญาณ จากสิ่งลี้ลับ หรือ วิธีการเหนือธรรมชาติที่ไม่ได้มาจากพระองค์ “เพราะว่าชนชาติเหล่านี้ซึ่งท่านกำลังจะไปยึดครองนั้น เชื่อฟังหมอดูและคนทำนาย แต่ส่วนตัวท่านนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ไม่ทรงยอมให้ท่านทำเช่นนั้น” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 18:14 เป็นช่องทางที่ปล่อยให้มารซาตานมีอำนาจเหนือความคิดและชีวิตแทนที่พระเจ้า ~เป็นการเปิดโอกาสให้อำนาจแห่งความมืดหรือมารซาตานเข้ามาแทรกแซงในชีวิต พระคัมภีร์มองว่าการติดต่อกับวิญญาณชั่วหรือการใช้เวทมนตร์ เป็นการนำคนของพระเจ้า ให้ทำตามความประสงค์ของมัน และดึงเราออกจากการปกป้องของพระองค์ “ห้ามใครในพวกท่านยอมให้บุตรชายหรือบุตรหญิงของตนลุยไฟ เป็นคนทำนาย เป็นหมอดู เป็นโหร หรือเป็นนักวิทยาคม เป็นหมอผี เป็นคนทรง เป็นพ่อมด แม่มด หรือเป็นหมอพราย” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 18:10-11 THSV11 เป็นการทำลายคำพยานในเรื่องความยิ่งใหญ่ และพระคุณของพระเจ้าในชีวิตของเรา ~เป็นการประกาศถึงความสามารถของวิญญาณอื่นๆว่ามีฤทธิ์อำนาจมากกว่าพระเจ้า และไร้คำพยานในเรื่องการจัดเตรียมและการช่วยเหลือของพระเจ้า เป็นการให้เกียรติผีและวิญญาณอื่นแต่หลู่พระเกียรติของพระเจ้าและทำให้เราต้องรับโทษ “พวกยิวทูลตอบพระองค์ว่า “ที่เราพูดว่าท่านเป็นชาวสะมาเรียและมีผีสิงนั้นไม่จริงหรือ?” พระเยซูตรัสตอบว่า “เราไม่มีผีสิง แต่เราถวายพระเกียรติแด่พระบิดาของเรา และ พวกท่านลบหลู่เกียรติของเรา” ~ยอห์น 8:48-49 สรุป: พระเจ้ารังเกียจสิ่งต่างๆดังที่กล่าวมา เพราะสิ่งเหล่านั้น 1).บ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าองค์บริสุทธิ์ 2).ทำให้มนุษย์หลงไปพึ่งพาอำนาจอื่นที่ไม่บริสุทธิ์ และ 3).หันเหมนุษย์ออกจากหนทางของความจริงและความบริสุทธิ์ ที่พระองค์ทรงสอนและเตือนไว 2.พระเจ้าก็จะรังเกียจคนเหล่านั้นที่เลือกท้าทายพระเจ้า ตั้งใจทำในสิ่งที่พระเจ้าตรัสห้ามไว้ ติดตามพระอื่นวิญญาณอื่น และลืมพระเจ้าและคำสั่งสอนของพระองค์ และผลที่จะตามมาก็คือ “ถ้าท่านลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และไปติดตามพระอื่นและปรนนิบัตินมัสการ พระเหล่านั้น ข้าพเจ้าขอยืนยันต่อท่านในวันนี้ว่า ท่านจะต้องพินาศแน่นอน เช่นเดียวกับ ประชาชาติซึ่งพระยาห์เวห์ทรงทำให้พินาศไปต่อหน้าพวกท่าน ท่านทั้งหลายจะพินาศอย่างนั้นแหละ เพราะท่านไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้า ของท่าน” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 8:19-20 พี่น้องที่รัก อย่าให้เราแม้แต่จะคิดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเป็นคนทำนาย เป็นหมอดู เป็นโหร หรือ เป็นนักวิทยาคม เป็นหมอผี เป็นคนทรง เป็นพ่อมด แม่มด หรือเป็นหมอพราย หรือ อะไรๆใน ทำนองนี้เลยนะครับ เพราะว่าผลที่จะตามมานั้น ช่างน่ากลัวจริงๆ …เห็นด้วยไหมครับ?…

Soul Food Podcasts

1
สดแต่เช้า Ep.21 ใจแตกสลาย? 5:23

7 days ago5:23

5:23

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่21) ใจแตกสลาย? “พระยาห์เวห์ทรงอยู่ใกล้ผู้ที่ใจแตกสลาย และทรงช่วยผู้สิ้นหวัง” ~สดุดี 34:18 THSV11 “The LORD is close to the brokenhearted; he saves those whose spirits are crushed.” ~Psalms 34:18 CEB ใครจะช่วยเหลือเมื่อเราใจแตกสลาย? ผู้เขียนพระธรรมสดุดีบอกเราว่า พระเจ้าผู้มีพระนามว่าพระยาเวห์ทรงพร้อมที่จะช่วยเหลือเรา! พระองค์จะทรงนำชีวิต เฝ้าดู สดับคำร้องทูล ปกป้องดูแล คุ้มครองรักษาเรา และต่อสู้ผู้ที่มุ่งร้ายต่อเรา ผู้เขียนพระธรรมสดุดีได้พรรณนาไว้ว่า “1.พระเนตรของพระยาห์เวห์เฝ้าดูคนชอบธรรม และ 2.พระกรรณของพระองค์สดับคำอ้อนวอนของเขา แต่ 3.พระพักตร์ของพระยาห์เวห์ตั้งต่อสู้ผู้ทำความชั่ว เพื่อจะตัดอนุสรณ์ของพวกเขาเสียจากแผ่นดินโลก!“ ~ สดุดี 34:15-16 ผู้เขียนพระธรรมสดุดียืนยันว่า ”เมื่อคนชอบธรรมร้องทูล 1.พระยาห์เวห์ 1).ทรงสดับ และ 2).ทรงช่วยกู้เขาให้พ้นจากความยากลำบากทั้งสิ้น 2.พระยาห์เวห์ 1).ทรงอยู่ใกล้ผู้ที่ใจแตกสลาย และ 2).ทรงช่วยผู้สิ้นหวัง“ ~ สดุดี 34:17-18 ผู้เขียนสดุดี เห็นใจในความทุกข์ยากของคนชอบธรรม จึงหนุนใจว่าพระเจ้าจะช่วยพวกเขาให้หลุดพ้นจากความทุกข์ยากเหล่านั้น “คนชอบธรรมอาจมีความทุกข์ใจหลายอย่าง แต่ 1.พระยาห์เวห์ 1).ทรงช่วยกู้เขาออกมาให้พ้นหมด 2).ทรงปกป้องกระดูกทุกชิ้นของเขา ไม่หักสักซี่เดียว 2.พระยาห์เวห์ตรัสว่า 1).ความชั่วจะสังหารคนอธรรม และ 2).บรรดาผู้ที่เกลียดชังคนชอบธรรมจะถูกลงโทษ 3.พระยาห์เวห์ทรงไถ่ชีวิตผู้รับใช้ของพระองค์ 4.พระยาห์เวห์ทรงสัญญาว่า ทุกคนที่เข้าลี้ภัยในพระองค์จะไม่ถูกลงโทษ” ~สดุดี 34:19-22 THSV11 พี่น้องที่รัก วันนี้ คุณมีพระยาห์เวห์พระเจ้า ทรงเป็นประมุขอยู่ในชีวิตของคุณแล้วหรือไม่? ถ้ามีแล้ว จงพึ่งพิงวางใจในพระองค์อย่างสิ้นเชิง แล้วคุณจะไม่เหลืออะไรให้กังวลหรือกลัวอีกต่อไป แต่ถ้าหากว่าคุณ ยังไม่รู้จักหรือยังไม่มีพระองค์เป็นผู้นำในชีวิตของคุณ ก็จงถ่อมใจ และเข้าลี้ภัยอยู่ในพระองค์ ณ บัดนี้เลย ด้วยความมั่นใจว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้ผู้ที่หัวใจแตกสลาย และทรงช่วยผู้ที่ท้อแท้สิ้นหวัง” ~สดุดี 34:18 TNCV …จะอาเมนด้วยกัน ดีไหมครับ? ~~~~~~~~~~~~~~~ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ 21เมษายน2025 (ตอน21ของปีที่5) #YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี#Spotifyสดแต่เช้า…

Soul Food Podcasts

1
พระธรรมนำชีวิต Ep.1246 สวมใจกล้าเมื่อคนอื่นกลัว 4:17

7 days ago4:17

4:17

พระธรรมนำชีวิต ตอน สวมใจกล้าเมื่อคนอื่นกลัว Ep.1246 วันนี้เรากลับมาที่ 1 ซามูเอล 13 เรื่องราวในบทนี้ได้ให้รายละเอียดการครองราชของซาอูล แต่สิ่งที่ผมสนใจมากคือเรื่องราวความกล้าหาญของโยนาธาน ลูกชายของกษัตริย์ซาอูล 'โยนาธานบุกโจมตีกองทหารรักษาการณ์ของฟีลิสเตียที่เมืองเกบา ชาวฟีลิสเตียได้ข่าวเรื่องนี้ แล้วซาอูลจึงสั่งให้เป่าแตรทั่วแดนและประกาศว่า “ชาวฮีบรูจงฟัง!” ดังนั้นอิสราเอลทั้งปวงจึงได้ข่าวว่า “ซาอูลโจมตีกองทหารรักษาการณ์ของฟีลิสเตีย บัดนี้ชาวฟีลิสเตียเกลียดชังชาวอิสราเอลยิ่งนัก” ฉะนั้นเหล่าประชากรจึงรวมตัวกันมาสมทบกับซาอูลที่กิลกาล ' 1ซามูเอล 13:3-4 TNCV ความกล้าหาญของโยนาธานนั้นเขาโจมตีกองทัพของฟีลิสเตีย ซึ่งเป็นการกระทำที่จุดชนวนให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ การกระทำของโยนาธานแสดงถึงความเชื่อมั่นในพระเจ้าและความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีจำนวนมากกว่า พระวจนะของพระเจ้าได้บันทึกต่อไปว่า ความกล้าหาญของโยนาธานทำให้คนฟิลิสเตียโกรธจึงยกทัพมา โดยมีคนมากดังเม็ดทราย มีรถรบ 30,000 และพลม้า 6,000 'เมื่อชาวอิสราเอลเห็นว่าสถานการณ์คับขันและกองทัพของตนถูกตีอย่างหนักก็ซ่อนตัวตามถ้ำ ตามสุมทุมพุ่มไม้ ตามซอกหิน และในหลุมในบ่อ ' 1ซามูเอล 13:6 เรื่องราวแบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในสมัยของเยรุบบาอัลหรือกิเดโอนที่ซามูเอลเพิ่งกล่าวถึง เวลานั้นคนอิสราเอลกลัวจนต้องหลบแบบนี้เลย พระธรรมปัญญาจารญ์บอกไว้ว่า ไม่มีอะไรใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์ ในเวลาที่ทุกคนหวาดกลัว ขอพระวิญญาณของพระเจ้านำให้เราจะสวมความเข้มแข็งกล้าหาญที่จะยืนอยู่ฝฝ่ายพระเจ้าเหมือนโยนาธาน 'ถ้าอย่างนั้น สิ่งเหล่านี้เราจะว่าอย่างไร? ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเราได้? ' โรม 8:31 ความกล้าหาญนั้นดี แต่เราจะต้องชนะทุกสิ่งด้วยวิธีการของพระเยซู พระเยซูสอนไว้ 'จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก ' มัทธิว 11:29 ขอให้เราจะทำตามสิ่งที่พระเยซูบอกไว้ทุกประการ '“นี่แน่ะ เราใช้ท่านทั้งหลายไปดุจแกะอยู่ท่ามกลางพวกหมาป่า เพราะฉะนั้นจงเฉลียวฉลาดเหมือนงู และไม่มีพิษมีภัยเหมือนนกพิราบ ' มัทธิว 10:16 ในขณะที่คนอิสราเอลต่างซ่อนตัวด้วยความกลัว โยนาธานกลับลุกขึ้นด้วยความกล้าหาญ ไม่ใช่เพราะเขามีกำลังมากกว่า แต่เพราะเขามีความเชื่อในพระเจ้ามากพอ วันนี้เราอาจจะอยู่ในยุคที่คนส่วนใหญ่หวั่นไหวหวาดกลัว สูญเสียความหวัง และหลบอยู่หลังความกลัว ขอให้เรายืนหยัดเหมือนโยนาธาน ให้เรากล้าที่จะเผชิญหน้ากับความกลัวนั้นโดยรู้ว่า เราได้เลือกที่จะอยู่ฝ่ายพระเจ้า ไม่มีใครจะขวางเราได้ แต่อย่าลืมว่า ความกล้าแบบคริสเตียน แบบสาวกผู้เชื่อในพระเยซูนั้นไม่ได้หมายถึงความดุดัน แกร่งไม่เกรงใจใคร แต่ความกล้าหาญนั้นคือการเดินหน้าอย่างสุภาพอ่อนน้อม อยู่ในเวลาของพระเจ้าและด้วยวิธีของพระเจ้า วุฒิ วงศ์สรรเสริญ…

Soul Food Podcasts

1
สดแต่เช้า Ep. 20 พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นแล้ว! พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นแล้ว! 6:59

8 days ago6:59

6:59

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่20) พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นแล้ว! “เมื่อพวกเขาทำทุกอย่างสำเร็จตามที่เขียนไว้เกี่ยวกับพระองค์แล้ว จึงเอาพระศพลงมาจากต้นไม้และวางไว้ในอุโมงค์ แต่พระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย” ~กิจการ 13:29-30 THSV11 แก่นสำคัญแห่งความเชื่อของคริสตชนคือ พระเยซูเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า ที่เสด็จมารับสภาพมนุษย์ ยอมถูกตรึงตายบนไม้กางเขนไถ่บาปมนุษย์ทุกคน พระองค์ทรงถูกฝังและเป็นขึ้นจากความตายในวันที่3 พระองค์ทรงปรากฏตัวต่อคนมากมายก่อนเสด็จสู่สวรรค์ และสัญญาว่า จะเสด็จกลับมารับพวกเราไปอยู่กับพระองค์ เมื่อถึงเวลากำหนด พระคัมภีร์ ได้กล่าวถึงความจริงในเรื่องนี้ มากมาย อาทิ 1.พระเจ้าทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย “เรารู้อยู่ว่า พระเจ้าทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นมาจากตาย แล้วพระองค์จะไม่ตายอีก ความตายจะ ไม่มีอำนาจเหนือพระองค์ต่อไป” ~โรม 6:9 THSV11 2.พระเจ้าทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นจากความตายในวันที่สามและปรากฏต่อหน้าพยานที่เลือกไว้ “และในวันที่สามพระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตายและทรงให้ปรากฏ ไม่ใช่ให้ปรากฏแก่คนทั่วไป แต่ให้ปรากฏแก่เรา คือบรรดาสักขีพยานที่พระเจ้าทรงเลือกไว้แล้ว คือทรงปรากฏแก่เราที่กินและดื่มกับพระองค์หลังจากพระองค์ทรงเป็นขึ้นจากตาย” ~กิจการ 10:40-41 THSV11 3.พระเจ้าทรงให้มนุษย์เป็นขึ้นจากตายทางพระเยซูคริสต์ผู้เป็นผลแรกที่เป็นขึ้นมาจากความตาย “แต่บัดนี้ พระคริสต์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และทรงเป็นผลแรกของพวกที่ล่วงหลับไป เพราะว่าในเมื่อความตายเกิดขึ้นโดยมนุษย์คนหนึ่ง การเป็นขึ้นจากความตายก็เกิดขึ้นโดยมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน เพราะว่าเช่นเดียวกับที่ทุกคนต้องตายโดยเกี่ยวเนื่องกับอาดัม ทุกคนก็จะได้รับชีวิตโดยเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ แต่ว่าจะเป็นไปตามลำดับ คือพระคริสต์ทรงเป็นผลแรก ต่อจากนั้นก็คือคนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์ในเวลาที่พระองค์เสด็จกลับมา” ~1 โครินธ์ 15:20-23 THSV11 4.พระเจ้าทรงประทานความรอดให้แก่ผู้ที่รับด้วยปากว่าพระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในใจว่าพระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย “คือว่าถ้าท่านจะยอมรับด้วยปากของท่านว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในใจว่า พระเจ้าได้ทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด” ~โรม 10:9 THSV11 5.พระเจ้าทรงถือว่าคนที่เชื่อว่าพระองค์ทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นจากตายนั้นเป็นคนชอบธรรม “แต่สำหรับเราด้วย ที่ทรงถือว่าเราเป็นคนชอบธรรม คือเราที่เชื่อในพระองค์ผู้ทรงให้พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นขึ้นจากความตาย คือพระเยซูผู้ทรงถูกมอบให้ถึงความตาย เพราะการล่วงละเมิดของเรา คือผู้ที่พระเจ้าทรงให้เป็นขึ้นเพื่อให้เราเป็นคนชอบธรรม” ~โรม 4:24-25 THSV11 6.เราต้องพร้อมรับการข่มเหงและการพิพากษาจากการประกาศว่าพระเยซูเป็นขึ้นจากตาย “นอกจากข้อเดียวที่ข้าพเจ้าตะเบ็งเสียงขึ้นเมื่ออยู่ท่ามกลางพวกเขา ซึ่งเกี่ยวกับการเป็นขึ้นจากความตายอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าพเจ้าถูกพิพากษาต่อหน้าท่านทั้งหลายในวันนี้”” ~กิจการ 24:21 THSV11 “ด้วยความขัดเคืองใจยิ่งที่ท่านทั้งสองสั่งสอนและประกาศกับคนทั้งหลาย ถึงเรื่องการเป็นขึ้นจากความตายโดยอ้างการคืนพระชนม์ของพระเยซู พวกเขาจึงจับท่านทั้งสองขังคุกจนถึงวันรุ่งขึ้นเพราะว่าเย็นแล้ว” ~กิจการ 4:2-3 THSV11 7.เราต้องไม่ไขว้เขวหรือหลงไปจากความจริงในเรื่องการเป็นขึ้นจากตาย “ทั้งสองคนนั้นหลงไปจากความจริงโดยกล่าวว่าการเป็นขึ้นจากตายนั้นผ่านไปแล้ว เขากำลังทำให้ความเชื่อของบางคนไขว้เขวไป” ~2 ทิโมธี 2:18 THSV11 8.เราต้องทราบว่า เมื่อเราเป็นขึ้นจากตายแล้ว เราจะตายอีกไม่ได้ “แต่คนที่นับว่าสมควรกับการอยู่ในยุคหน้า และการเป็นขึ้นจากความตาย จะไม่มีการสมรสกันหรือยกให้เป็นสามีภรรยากันอีก อันที่จริงพวกเขาจะตายอีกไม่ได้ เพราะเขาเป็นเหมือนทูตสวรรค์ และเป็นบุตรของพระเจ้า คือบุตรของการเป็นขึ้นจากตาย” ~ลูกา 20:35-36 THSV11 9.เราจะเป็นขึ้นมาจากตายด้วยกายวิญญาณใหม่ที่มีศักดิ์ศรีและเป็นอมตะ “การเป็นขึ้นมาของคนตายก็เหมือนกัน ร่างกายที่ถูกหว่านลงนั้นเสื่อมสลายได้ ร่างกายที่เป็นขึ้นมานั้นไม่เสื่อมสลาย สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้นไร้เกียรติ สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นมีศักดิ์ศรี สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้นอ่อนกำลัง สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นมีพลัง สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้นเป็นกายเนื้อหนัง สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นเป็นกายจิตวิญญาณ ถ้ามีกายเนื้อหนัง กายจิตวิญญาณก็มีด้วย” ~1 โครินธ์ 15:42-44 THSV11 สรุป หลักความเชื่อเรื่อง 1.พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นจากตาย และ 2.เราผู้เชื่อจะเป็นขึ้นจากตายด้วย เป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวด จนอาจารย์เปาโลต้องออกมายืนยันหลายต่อหลายครั้ง “ถ้าเราประกาศว่าพระคริสต์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว ทำไมบางคนในพวกท่านจึงพูดว่าการเป็นขึ้นจากความตายไม่มี? ถ้าการเป็นขึ้นมาจากความตายไม่มี พระคริสต์ก็ไม่ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา ถ้าพระคริสต์ไม่ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมา การประกาศของเรานั้นก็ไร้ประโยชน์ และ ความเชื่อของท่านทั้งหลายก็ไร้ประโยชน์ด้วย” ~1 โครินธ์ 15:12-14 THSV11 วันนี้ คุณมั่นใจหรือไม่ว่า ถ้าคุณตาย พระเจ้าจะให้คุณเป็นขึ้นมาอีกครั้งกับพระเยซูคริสต์? …ผมเชื่อ 100%…

Soul Food Podcasts

1
พระธรรมนำชีวิต Ep.1205 ต้องรักษาสัญญา 3:23

8 days ago3:23

3:23

พระธรรมนำชีวิต Ep.1205 ต้องรักษาสัญญา บทเรียนที่เราได้รับจากฮันนาห์คือเธอมีความเชื่อที่แท้จริง เธอไม่หยุดอธิษฐานทูลขอจนกว่าจะได้รับ เมื่อเธอได้รับคำตอบจากพระเจ้าผ่านเอลี เธอเชื่อว่าเธอได้รับแล้ว ฮันนาห์ก็ใช้ชีวิตและทำหน้าที่ของเธอเองต่อไปจนถึงเวลาของพระเจ้า วันนี้มีสิ่งที่เราต้องเลียนแบบจากฮันนาห์คือความซื่อสัตย์ เธอพูดคำไหนคำนั้น 'นางบนไว้ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมทัพ ถ้าพระองค์จะทอดพระเนตรความทุกข์ใจของผู้รับใช้ของพระองค์จริงๆ ทรงระลึกถึงข้าพระองค์ และไม่ทรงลืมผู้รับใช้ของพระองค์ แต่จะประทานบุตรชายแก่ผู้รับใช้ของพระองค์สักคน แล้วข้าพระองค์จะถวายเขาแด่พระยาห์เวห์ตลอดชีวิตของเขา และมีดโกนจะไม่แตะต้องศีรษะของเขาเลย” ' 1 ซามูเอล 1:11 ฮันนาห์ขขอลูกชายจากพระเจ้า สิ่งที่เธอบนไว้หรือให้คำสัญญากับพระเจ้าไว้คือ ถ้าพระเจ้าให้ลูกชายกับเธอ เธอจะถวายลูกชายของเธอแด่พระเจ้าตลอดชีวิต ในเวลาของพระเจ้า พระองค์ก็ประทานบุตรชายให้ ฮันนาห์ก็รักษาสัญญาด้วยความซื่อสัตย์ ลองคิดถึงหัวอกคนเป็นแม่ที่อยากได้ลูกชาย แต่เมื่อได้แล้วเขาจะดูแลลูกชายได้แค่เพียงหย่านม จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์มีผู้รู้แนะนำว่าเด็กหย่านมในฮีบรูเวลานั้นจะมีอายุประมาณ 3-5 ปี แต่ผมคิดว่าน่าจะ 5 ปี เพราะซามูเอลต้องดูแลตัวเองได้พอสมควร ไม่อย่างนั้นจะเป็นภาระแก่ปุโรหิต ลองจินตนาการถึงสภาพแม่ที่ต้องพรากจากลูกน้อยอายุ 4-5 ขวบที่กำลังน่ารัก การแม่ที่จะห่างจากลูกนั้นมันจะยากขนาดไหน แต่ฮันนาห์ก็ซื่อสัตย์ทำตามสัญญาที่บนไว้กับพระเจ้า 'ดิฉันทูลวิงวอนขอเด็กคนนี้ และพระยาห์เวห์ประทานตามคำทูลขอของดิฉันตามที่ได้ทูลวิงวอนต่อพระองค์ เพราะฉะนั้นดิฉันเองถวายเขาแด่พระยาห์เวห์ เขาถูกถวายแด่พระยาห์เวห์ตลอดชีวิตของเขา” และเขาก็นมัสการพระยาห์เวห์ที่นั่น' 1 ซามูเอล 1:27-28 แม้ว่าเอลีอาจจะลืมเรื่องราวของฮันนาห์ไปแล้ว แต่ฮันนาห์ไม่เคยลืมพระคุณของพระเจ้า และเธอไม่ลืมสิ่งที่เธอให้คำสัญญาไว้กับพระเจ้า เธอซื่อสัตย์ทำตามคำที่เธอให้ไว้กับพระเจ้า บทเรียนวันนี้คือขอให้เราจะซื่อสัตย์เหมือนที่พระเจ้าเป็น พระองค์ตรัสคำไหนคำนั้นไม่มีวันเปลี่ยน ขอให้เราเองจะทำแบบนั้นกับทุกสิ่งที่เราร้องทูลต่อพระองค์ และต่อทุกคนที่เราให้คำมั่นสัญญาไว้ด้วย วุฒิ วงศ์สรรเสริญ…

Soul Food Podcasts

1
พระธรรมนำชีวิต Ep.1234 เมื่อได้ก็ต้องเสีย 3:01

8 days ago3:01

3:01

พระธรรมนำชีวิต ตอน เมื่อได้ก็ต้องเสีย Ep.1234 ก่อนที่ซาอูลจะเดินทางไปที่กิลกาลตามคำสั่งของซามูเอล เขาเดินทางกลับบ้านที่กิเบอาห์ก่อน ต่อจากนั้นซามูเอลเรียกประชาชนมาเข้าเฝ้าพระเจ้าที่มิสปาห์ กิเบอาห์และมิสปาห์ อยู่ในบริเวณเทือกเขาของเผ่าเบนยามิน ซึ่งซาอูลได้เกิดในครอบครัวนี้ “และกล่าวกับพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘เราได้นำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์ และกอบกู้พวกเจ้าจากอำนาจของอียิปต์และอาณาจักรทั้งปวงที่กดขี่ข่มเหงเจ้า’ แต่บัดนี้ท่านทอดทิ้งพระเจ้าของท่าน ผู้ทรงช่วยท่านจากภัยพิบัติและความทุกข์ยากทั้งปวง และพวกท่านกล่าวว่า ‘ขอให้ตั้งกษัตริย์ปกครองเรา’ ฉะนั้นจงแสดงตัวต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทีละเผ่าทีละตระกูล”” 1ซามูเอล 10:18-19 TNCV สิ่งที่ซามูเอลกล่าวกับพวกเขาเป็นความรู้สึกของพระเจ้าที่ประชาชนของพระองค์ตั้งใจละทิ้งพระองค์ ทั้งที่พระเจ้านำและช่วยเหลือพวกเขามาตลอด คำกล่าวนี้สะท้อนมาจาก 1 ซามูเอล 8:7 ถึงสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับซามูเอลว่า คนอิสราเอลไม่ได้ละทิ้งเจ้า แต่เขาละทิ้งเรา '“โอ คนอิสราเอล จงฟังเถิด พระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์เท่านั้นทรงเป็นพระเจ้าของเรา ' 'แล้วจงระวังตัวเกรงว่าพวกท่านจะลืมพระยาห์เวห์ผู้ทรงนำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ คือออกจากแดนทาส ' เฉลยธรรมบัญญัติ 6:4,12 ขอให้เราจะรักพระเจ้าด้วยสุดใจ ยำเกรงและเชื่อฟังพระองค์เสมอ การมีผู้นำหรือโครงสร้างไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือหัวใจที่ไม่ยอมให้พระเจ้าทรงนำ เมื่อเราเลือกควบคุมชีวิตตัวเอง เราอาจได้สิ่งที่เราขอ แต่เราจะเสียสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไป ขอย้ำอีกครั้งว่า ให้เราจะรักพระเจ้าด้วยสุดใจ ยำเกรง และเชื่อฟังพระองค์ วุฒิ วงศ์สรรเสริญ…

Soul Food Podcasts

1
พระธรรมนำชีวิต ตอนพิเศษ Ep.4 พระเยซูทรงเป็นขึ้นแล้ว 3:41

8 days ago3:41